บ้านไม้สไตล์คันทรี่อันแสนทันสมัย อยู่อาศัยได้ยาวนาน

เช่นที่บอกไปว่าบ้านสไตล์คันทรี่หลังนี้มีกลิ่นอายของบ้านแบบโมเดิร์นอยู่ นอกจากจะเน้นการเปลือยโครงสร้างให้เห็นเนื้อไม้ เนื้อหิน แบบไม่ต้องมีอะไรมาบดบังแล้ว บางส่วนของบ้านยังถูกดีไซน์ให้เป็นลอฟท์หลังคาสูงเพื่อสร้างมิติให้แก่ตัวบ้าน เช่นโถงล็อบบี้ส่วนหน้าของบ้านที่ปรากฏอยู่ในภาพนี้ ขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มความโปร่งให้กับโถง double height นี้ด้วยการก่อกำแพงด้านหนึ่งด้วยกระจกใส เปิดให้เห็นทิวทัศน์นอกตัวบ้านอีกด้วย

บ้านหลังนี้ใช้วัสดุก่อสร้างหลักคือไม้กับหิน โดยชั้นล่างก่อด้วยหินเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงประตู หน้าต่าง และเสาเท่านั้นที่ทำจากไม้ ส่วนชั้นบนนั้นสลับกัน คือใช้ไม้เป็นส่วนใหญ่ จะยกเว้นก็แต่ส่วนห้องน้ำที่ใช้อิฐและหิน การใช้หินและไม้มาผสมผสานกันนี้ทำให้บ้านดูเท่ ทะมัดทะแมง ขณะเดียวกันยังให้บรรยากาศที่อบอุ่น และรู้สึกเป็นธรรมชาติ สมกับที่เป็นบ้านสไตล์คันทรี่

โครงสร้างหน้าบ้านที่ตกแต่งด้วยไม้เกือบทั้งหมด แต่กรุด้วยกระะจก และการออกแบบหลังคาให้เป็นหลังคาเทเรียบแทนการก่อหลังคาจั่วแบบทั่วไป ทำให้บ้านสไตล์คันทรี่หลังนี้มีกลิ่นอายความเป็นโมเดิร์นซ่อนอยู่ด้วย

ด้วยที่ตั้งของบ้านที่มีต้นไม้และป่าสนรายรอบ สถาปนิกพยายามเก็บข้อได้เปรียบนี้ไว้โดยไม่ก่อสร้างอาคารให้รุกล้ำไปในธรรมชาติ แต่เลือกที่จะสร้างบ้านให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติมากว่า เช่นการใช้วัสดุก่อสร้างทำจากหินและไม้เช่นที่บอกไป 

การพยายามรักษาธรรมชาติรอบบ้านเอาไว้ยังมีประโยชน์ในเรื่องการสร้างร่มเงาให้ตัวบ้าน ทำให้บ้านเย็น ส่วนใครที่เป็นห่วงว่าบ้านไม้ที่อยู่ในป่าอาจจะต้องการการดูแลที่เป็นพิเศษ ทั้งเรื่องความชื้น เชื้อรา แต่การเลือกหินมาสร้างส่วนล่างของบ้านก็สามารถลดปัญหาส่วนนั้นได้ โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนชื้น  ส่วนในฤดูหนาวที่ทางตอนใต้ของบราซิลจะหนาวกว่าทางตอนเหนือ กำแพงหินที่ปิดเกือบทึบยังจะช่วยกักเก็บความร้อนไว้ได้อีกด้วย

ห้องนั่งเล่นที่เก๋ด้วยการใช้ไม้และหินประกอบกัน แถมยังโชว์โครงสร้างและพื้นผิว สร้างความน่าสนใจให้กับห้องนี้ มองแล้วสบายตาและดูเข้าถึงธรรมชาติ แม้ตัวเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้องจะเป็นโซฟาวัสดุสังเคราะห์ แต่ด้วยเบาะที่นั่งและหมอนผ้าฝ้ายที่เป็นสีขาว ก็ยังทำให้ดูรู้สึกถึงเป็นความธรรมชาติสไตล์บ้านตากอากาศในชนบทได้แบบไม่หลุดธีมแต่อย่างใด

ห้องน้ำชั้นบนที่เปิดโล่ง มีเพียงกระจกใสกั้น มอบความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติภายนอกถึงขีดสุด โดยแม้ตัวห้องน้ำจะสร้างจากหินและกระเบื้องเป็นองค์ประกอบหลัก แต่ก็ยังคงความเชื่อมโยงกับไม้ซึ่งเป็นวัสดุหลักอีกอย่างของบ้านหลังนี้เอาไว้ ผ่านการเลือกใช้กระเบื้องโมเสคสีน้ำตาลซึ่งคล้ายกับสีของไม้ มาตัดสลับกับสีขาว รวมถึงการคุมโทนสีของประดับตกแต่งจุกจิกให้มีสีน้ำตาลด้วยเช่นกัน

กระจกเงาที่ซ่อนอยู่ในบานหน้าต่างไม้ฉลุนี้เป็นส่วนหนึ่งของของตกแต่งสไตล์คันทรี่ที่เห็นอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของบ้าน เช่นเดียวกับตุ๊กตาไม้ตัวเล็ก ๆ หรือที่แขวนของรูปหัวกวางทำจากไม้แกะสลัก องค์ประกอบหนึ่งที่จะทำให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น ไม่ดูแข็งทะมัดทะแมงจนเกินไป

ห่างจากตัวบ้านไปอีกฟากของสนาม เป็นที่ตั้งอาคารหลังเล็กซึ่งใช้วัสดุและแนวทางการก่อสร้างเหมือนกับตัวบ้านใหญ่ ทำให้ดูกลมกลืนคล้ายไปทั้งบริเวณ ส่วนที่เพิ่มมานี้ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นบริเวณที่เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ติดเตาย่างบาร์บีคิว จัดปาร์ตี้ริมสระน้ำ เลี่ยงการส่งกลิ่น ควัน หรืออื่นๆ ไปรบกวนในตัวบ้านได้อีกด้วย

บ้านหลังเล็กที่เราเล่าถึงไป ตั้งอยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำ โดยมีสนามหญ้าขนาดกว้างใหญ่ทำหน้าที่คั่นกลางระหว่างส่วนนี้กับตัวบ้านใหญ่ แต่ทั้งนี้แม้จะมีการแบ่งพื้นที่ใช้งานระหว่างสองส่วน ก็ยังมีทางเดินที่ปูด้วยหิน (แบบเดียวกับบ้านทั้งสองหลัง) เป็นตัวเชื่อมโยงบริเวณทั้งหมดไว้ด้วยกัน

วัสดุสร้างบ้านที่มีความทึบแสง-โปร่งแสงต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น หิน ไม้ หรือกระจก ทำให้บ้านหลังนี้ดูมีลูกเล่น น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อมองจากด้านนอกตัวบ้าน เราจะเห็นทั้งส่วนที่ปิดซ่อนไว้ และส่วนที่โปร่งใสจนเห็นความเป็นไปในตัวบ้าน 

ขณะเดียวกันผนังที่ทำจากกระจกก็เปิดให้เห็นความเชื่อมต่อของพื้นที่ภายในบ้านและธรรมชาติภายนอกได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าเราจะมองจากด้านนอกหรือยามที่อาศัยอยู่ในตัวบ้านก็ตาม